ขั้นตอนขึ้นเครื่องบินไปต่างประเทศ (สุวรรณภูมิ)

สวัสดีค่ะ

หลังจากโพสต์ที่แล้ว เป็นขั้นตอนขึ้นเครื่องบินครั้งแรกสำหรับมือใหม่ โพสต์นี้จะเป็นขั้นตอนการขึ้นเครื่องบินไปต่างประเทศ ขั้นตอนก็จะเหมือนๆกับการขึ้นเครื่องบินภายในประเทศ แต่จะมีส่วนของการผ่านการตรวจคนเข้าเมือง (ต.ม.) เข้ามาด้วย

วันนี้เราจะขึ้นเครื่องบินไปสิงคโปร์กัน ^^

รีวิว>> ต่อเครื่อง (Transit) ไม่ยากอย่างที่คิด Toronto-Manila-BKK จ้า >> https://iflytosky.blogspot.com/2019/09/transit-halifax-toronto-manila-bkk.html

(**ก่อนเดินทาง เผื่อหิว รีวิวนี้แนะนำฟู้ดคอร์ทสุวรรณภูมิ ชั้น 1 ราคาไม่แพงจ้า >> http://iflytosky.blogspot.com/2017/03/magic-food-point-1.html)

การขึ้นเครื่องบินไปต่างประเทศควรเผื่อเวลาไปถึงสนามบินก่อนเครื่องออกประมาณ 2.30 - 3 ชั่วโมงนะคะ วันนี้เครื่องออกเวลา 08.40 น.
ไปถึงสนามบินประมาณหกโมงกว่าๆค่ะ


เดินเข้ามาจะเจอไฟลท์บอร์ด เราก็จะดูว่าไฟลท์เราเปิดให้เช็คอินหรือยัง ถ้าไม่ทราบว่าสายการบินเราเช็คอินRowไหน  บนจอก็จะมีบอก วันนี้เราบินสายการบิน Tiger Air ไปสิงคโปร์ค่ะ

บนจอก็จะโชว์ไฟลท์ที่เราบิน  08.40 ไปสิงคโปร์  สถานะตอนนี้คือ เคาน์เตอร์เช็คอินเปิดแล้ว ไปเช็คอินกัน  ตัวอักษร A,B,C ที่เห็นคือ Row(แถว)เคาน์เตอร์เช็คอินของสายการบินที่เราบิน


Check-in คือ ยื่น Passport ให้กับเจ้าหน้าที่  ไปต่างประเทศใช้พาสปอร์ตนะ
เข้าแถวรอเช็คอิน


เลือกที่นั่ง โหลดกระเป๋าให้เรียบร้อย (ตามเงื่อนไขของแต่ละสายการบินนะคะ)
เช็คอินเสร็จจะได้ Boarding pass มา

ส่วนใบ ตม. 6 หรือบัตรขาออก (Departure Card)
ตั้งแต่วันที่ 16 กันยายน 2560 เป็นต้นไป 
คนไทย"ไม่ต้องกรอก"ใบ ตม.6 ในการเข้า-ออกนอกประเทศแล้วนะคะ 

ตามนี้เลย





จากนั้นก็ไปผ่านขั้นตอนการตรวจสัมภาระก่อนขึ้นเครื่อง (X-ray) ขึ้นบันไดเลื่อนตรงนี้


ขั้นตอนสแกนเหมือนๆกับขาออกในประเทศ นำกระเป๋า โน๊ตบุค โทรศัพท์มือถือ เสื้อแจ็คเก็ตถอดใส่ในตะกร้า แล้วตัวเราก็เดินผ่านเครื่องตรวจ

สแกนเสร็จเดินลงบันไดเลื่อนมาในส่วนของตรวจหนังสือเดินทาง
ถ้าถือพาสปอร์ตไทยจะมีในส่วนของ Auto Gate สะดวก เร็ว แล้วก็ส่วนของประทับตรากับเจ้าหน้าที่ (stamp) อันนี้แล้วแต่ชอบ ส่วนตัวเราชอบแบบปั๊ม(stamp) บนหน้าpassport

เมื่อถึงคิวเราก็ยื่นพาสปอร์ต+ boarding pass ให้เจ้าหน้าที่ จะมีกล้องด้วย  พอผ่านส่วนนี้ไปก็จะเจอในส่วนของร้านขายของต่างๆ

จะมีป้ายบอกด้วยว่าเกทเราไปทางไหน วันนี้ขึ้นเครื่องเกท E6
 Concourse E เลี้ยวขวาค่ะ


ตามป้ายไปเลย ไม่ต้องกลัวหลง


ระหว่างทางจะเป็น Duty Free ร้านค้า ร้านอาหาร  บูธแลกเงินของธนาคาร สามารถเดินเล่นได้ แต่อย่าเพลินมาก เดี๋ยวไปขึ้นเครื่องไม่ทันนะ


ลงบันไดเลื่อนไปอีก


เกทของเราวันนี้ E6



ในส่วนของเกท(Gate)ผู้โดยสารระหว่างประเทศจะเป็น เกทปิด คือจะไม่สามารถเข้าไปนั่งด้านในได้ถ้าไม่ใช่ผู้โดยสารไฟลท์นั้น ก่อนเข้าเกทจะมีเจ้าหน้าที่คอยเช็ค  ขอดูBoarding pass กับ พาสปอร์ตก่อนเข้าไปนั่งรอในเกท

เข้ามารอด้านในแล้ว


รอๆ เครื่องมาแล้ว


ได้เวลาขึ้นเครื่อง เจ้าหน้าที่อาจจะเรียกตามแถวที่เรานั่งเป็นโซนๆไปค่ะ

เดินตามเค้าไปเลย


เข้ามาแล้ว นั่งประจำที่รัดเข็มขัดให้เรียบร้อย  หลังจาก Take off ลูกเรือจะแจกใบขาเข้า(Arrival card)ของประเทศนั้นๆ  ถ้าหลับแล้วไม่ได้  ก็ไม่เป็นไร ในส่วนของตรวจคนเข้าเมือง (ต.ม.) จะมีแจกอยู่แล้ว  ค่อยไปกรอกตอนไปถึงก็ได้

ใบตม.ของสิงคโปร์ค่ะ


บรรยากาศบนเครื่อง


สองชั่วโมงผ่านไป ใกล้จะแลนด์แล้วค่ะ


ถึงแล้ว เดินออกจากเครื่อง ง่ายๆคือ เดินตามคนข้างหน้าเราไป อิอิ



เข้าคิวรอผ่าน ต.ม.  ยื่นpassport กับใบขาเข้าให้ ต.ม.  เจ้าหน้าที่จะปั๊ม(stamp) ในpassportให้เรา  ผ่านต.ม. เสร็จเรียบร้อย ก็รอรับกระเป๋า จะมีไฟลท์บอร์ดบอกว่า  ไฟลท์เรารับกระเป๋าที่สายพานไหน เช่น หน้าจอโชว์ว่า TR2103 Bangkok  Belt(สายพาน) 23  ก็คือว่า ไฟลท์หมายเลข Tr2103 บินมาจากกรุงเทพ ให้รับกระเป๋าที่สายพานหมายเลข 23 เป็นต้น  ถ้าไม่ได้โหลดก็เดินตัวปลิวออกมาเล้ย


ก็เป็นขั้นตอนขึ้นเครื่องบินไปต่างประเทศสำหรับมือใหม่
 หวังว่าจะเป็นประโยชน์กับเพื่อนๆที่อยากลองออกไปเที่ยวต่างประเทศด้วยด้วยตัวเองนะคะ
ไม่ยากเลยค่ะ กายพร้อม ใจพร้อม เราทำได้ค่ะ เย่!! ^^

HAVE A NICE TRIP !! ^^

E-book แชร์ประสบการณ์การไปเป็นลูกเรือสำราญ ทั้งหมด 239 วัน 
Ookbee >> https://www.ookbee.com/shop/book/9fd268ef-064c-4662-846f-5b05ac129501/บันทึก-239-วัน-เมื่อฉันเป็นลูกเรือสำราญ

Mebmarket >> https://www.mebmarket.com/ebook-127839-บันทึก-239-วัน-เมื่อฉันเป็นลูกเรือสำราญ


รีวิว Singapore No plan#2019 >> https://journeyofarrow.blogspot.com/2019/10/singapore-no-plan2019.html

พาเที่ยวงาน Singapore Air Show 2018 >> https://journeyofarrow.blogspot.sg/2018/02/singapore-air-show-2018-by-journey-of.html

ขั้นตอนขึ้นเครื่องบินไปต่างประเทศครั้งแรก : ดอนเมือง >> http://iflytosky.blogspot.com/2015/12/blog-post.html

ชอบเดินทาง/ชอบเที่ยว/ชอบเครื่องบิน แวะไปคุยกันได้ที่ >> https://www.facebook.com/Journey-of-Arrow-1161356250559423/

ขั้นตอนขึ้นเครื่องบินครั้งแรก สำหรับมือใหม่ (สุวรรณภูมิ)

สวัสดีค่ะ ^^

หลังจากโควิด  เราต้องขึ้นเครื่องบินแบบ New Normal แล้วนะคะ 
ไปอัพเดทกันว่าปี 2020 ขั้นตอนขึ้นเครื่องบินภายในประเทศของฝั่งสุวรรณภูมิเป็นอย่างไรบ้าง

Vlog บินเดี่ยวเที่ยวภูเก็ต 1 วัน ไปเช้าเย็นกลับ ไฟลท์ดีเลย์ทั้งขาไปและขากลับ!! >>https://www.youtube.com/watch?v=hrLQNHGZKUo

รีวิว พามือใหม่ขึ้นเครื่องบิน @ สุวรรณภูมิภายใน 3 นาที >> https://www.youtube.com/watch?v=_-9Qn7u4BXs&list=PLMT6hOQ0XoJK--h_dnUiv6CVggb1_BgJQ

คลิป พาเข้าห้องน้ำบนเครื่องบิน ภายใน 2 นาที >> https://www.youtube.com/watch?v=QNjDALQ9024&list=PLMT6hOQ0XoJK--h_dnUiv6CVggb1_BgJQ&index=3

.
รีวิว ขาเข้า สุววรณภูมิมือใหม่ ll พร้อมพาเข้าเมืองโดยแอร์พอร์ตลิ้งค์ >> https://www.youtube.com/watch?v=p14L-3xtkg8&list=PLMT6hOQ0XoJK--h_dnUiv6CVggb1_BgJQ&index=2
.


.
.
.
.
ปัจจุบัน การเดินทางโดยเครื่องบินเป็นเรืองที่แพร่หลาย ใครๆก็สามารถบินได้
เนื่องจากมีสายการบินเปิดใหม่มากกว่าเมื่อก่อน  สายการบินมีการจัดโปรโมชั่นเรียกลูกค้า ทำให้ราคาตั๋วเครื่องบินไม่แพงมาก หลายคนอาจจะกังวลในเรื่องของการขึ้นเครื่องบินครั้งแรก อาจจะต้องไปดูงานต่างจังหวัด/ต่างประเทศ  ยิ่งต้องบินคนเดียวอาจจะไม่มั่นใจ กังวลต่างๆ

วันนี้เรามีขั้นตอนการขึ้นเครื่องบินสำหรับมือใหม่มาฝาก  โดยในโพสต์นี้จะเป็นการขึ้นเครื่องที่ สนามบินสุวรรณภูมิ จองตั๋วกันแล้วเนอะ  ไปสนามบินกันเล๊ย

*รีวิว ต่อเครื่อง (transit) ไม่ยากอย่างที่คิด Toronto-Manila-BKK จ้า >> https://iflytosky.blogspot.com/2019/09/transit-halifax-toronto-manila-bkk.html

อาคารผู้โดยสารสนามบินสุวรรณภูมิ  ชั้น2 จะเป็นส่วนของผู้โดยสารขาเข้า(Arrival)
ชั้น 4 จะเป็นส่วนของผู้โดยสารขาออก (Departure) อาคารผู้โดยสารมี 10 ประตู

มาถึงชั้น 4 ในส่วนของผู้โดยสารขาออกแล้ว


(**ก่อนขึ้นเครื่อง เผื่อหิว รีวิวนี้แนะนำฟู้ดคอร์ท สุวรรณภูมิ ชั้น 1 ราคาไม่แพงจ้า >> http://iflytosky.blogspot.com/2017/03/magic-food-point-1.html )

วันนี้จะขึ้นเครื่องไปภูเก็ต กับสายการบินบางกอกแอร์เวย์ค่ะ มาดูที่ไฟลท์บอร์ดเลย
ว่าไปภูเก็ต ไฟลท์ 12.25 น. กับบางกอกแอร์เวย์ เช็คอินที่ ROW (แถว)ไหน

*ไฟลท์ในประเทศควรมาถึงสนามบินก่อนเครื่องออก ประมาณ 1.30 - 2 ชั่วโมง
ไฟลท์ต่างประเทศควรมาถึงสนามบินก่อนเครื่องออกประมาณ 3 ชั่วโมง เนื่องจากมีส่วนของการผ่าน ต.ม. (ตรวจคนเข้าเมือง) ซึ่งต้องใช้เวลา ยิ่งช่วงเทศกาลมีผู้โดยสารจำนวนมาก อาจจะทำให้ช้า เดินไปขึ้นเครื่องที่เกทไม่ทัน ต้องเผื่อเวลาไว้หน่อยสำหรับไฟลท์ต่างประเทศ

บนจอบอกว่า เช็คอินที่ Row F ค่ะ ตอนนี้เคาท์เตอร์เปิดแล้ว เดินไปเช็คอินรับบอร์ดดิ้งพาสได้เลย


Row F อยู่ที่นี่ค่ะ


ไปต่อแถวรอเช็คอิน  ขึ้นเครื่องภายในประเทศ ใช้บัตรประชาชน
ถ้าหายหรือไม่ใช้บัตรประชาชน ก็สามารถใช้เอกสารอย่างอื่นที่ทางราชการออกให้ เช่น ใบขับขี่หรือ พาสปอร์ต เป็นต้น  แต่ถ้าไปต่างประเทศต้องใช้พาสปอร์ตเท่านั้นค่ะ


เช็คอิน (Check-in) คือ ยื่นบัตรประชาชนให้เจ้าหน้าที่ ส่วนเรื่องเลือกที่นั่ง กับโหลดกระเป๋า ก็ขึ้นอยู่กับเงื่อนไขของแต่ละสายการบิน ว่าโหลดกระเป๋าฟรีมั้ย เลือกที่นั่งต้องเสียตังค์มั้ย
สำหรับสายการบินที่เราบินวันนี้เป็นแบบ Full service คือ เลือกที่นั่งฟรี โหลดกระเป๋าฟรี 20 กก. มีอาหารว่างให้ทานบนเครื่องฟรี
ส่วนสายการบินLow cost ถ้าจะเลือกที่นั่งหรือ โหลดกระเป๋า อาจจะมีค่าใช่จ่ายเพิ่ม ถ้าไม่โหลดกระเป๋า แล้วหิ้วขึ้นเครื่องให้ระวังในส่วนของสิ่งต้องห้าม ที่ห้ามนำขึ้นเครื่องบิน ซึ่งจะกล่าวถัดไป ตอนนี้เช็คอินรับBoarding pass กันก่อน

Boarding pass คืออะไร?

Boarding pass คือ บัตรผ่านขึ้นเครื่อง เป็นบัตรที่จะบอกถึงรายละเอียดไฟลท์ที่เราจะบิน  บินจากไหนไปที่ไหน มีชื่อเรา เกทที่จะขึ้นเครื่อง  เวลาที่จะเจ้าหน้าที่เรียกขึ้นเครื่อง  และระบุที่นั่งของเรา
วันนี้สายการบินที่เราใช้บริการสามารถเลือกที่นั่งได้  เลยขอที่นั่งริมหน้าต่าง
ได้Boarding Pass มาแล้ว  หน้าตาของBoarding pass เป็นบัตรกระดาษแข็งๆ
บางสายการบินจะเป็นกระดาษคล้ายๆสลิป


Name :: ชื่อผู้โดยสาร ตอนจองตั๋วต้องสะกดให้ตรงกับในบัตรประชาชนนะ เป็นภาษาอังกฤษ (ขอลบชื่อตัวเองค่ะ )
Date :: วันที่เดินทาง
From :: จากที่ไหน  ชื่อเมือง/ชื่อสนามบิน
To:: จุดหมายปลายทาง
Boarding Time :: เวลาที่จะเรียกขึ้นเครื่อง  ในBoarding pass นี้ เรียกขึ้นเครื่องตอน 11.45 น.
Seat :: ที่นั่งของเรา
Gate :: ทางออกขึ้นเครื่อง แต่เรียกๆกันสั้นว่าเกท (Gate) ที่สุวรรณภูมิส่วนของDomestic (ภายในประเทศ) จะแบ่งเป็น Concourse A กับ B  วันที่เราไปขึ้นเครื่องที่ เกท B2

ได้boarding pass แล้วไปเกทกัน สำหรับขาออกภายในประเทศ ( Domestic Departures)
จะอยู่แถว Row B/C ค่ะ ตรงนี้เลย


แต่ก่อนผ่านเข้าเกทต้องโดนสแกน (X-ray )ก่อน ว่ามีสิ่งของต้องห้ามที่ห้ามนำขึ้นเครื่องบินมั้ย เช่น ของมีคม (มีด กรรไกร)  ส่วนของของเหลว พวกสบู่เหลว โลชั่น ครีมต่างๆ ห้ามเกิน100 มิลลิลิตร (ml.)  ดูได้จากข้างขวด  ถ้าโลชั่นเขียนข้างขวดว่า 80 ml. แสดงว่าขวดนี้ขึ้นเครื่องได้  แต่ถ้าอีกขวดเขียนว่า 120 ml. เหลือแค่ครึ่งขวดก็จริง แต่ต้องทิ้ง เอาขึ้นเครื่องไม่ได้ เพราะเกิน 100 ml. โดยดูจากข้างขวดเป็นหลัก ถ้าไม่อยากทิ้งของ ต้องดูด้วยว่าปริมาตรข้างขวดเกิน100ml.รึเปล่า
ตอนสแกน ถ้ามีโทรศัพท์มือถือ แล็บท็อป/โน็ตบุค ให้แยกออกมาใส่ตะกร้า สแกนต่างหาก ไม่ต้องตื่นเต้น เดี๋ยวเจ้าหน้าที่บอกเราเอง บางทีเค้าจะถามก่อนว่าในเป้มีโน๊ตบุคมั้ย ถ้ามีคือต้องเอามาจากเป้ แล้ววางใส่ตะกร้าอีกใบ แล้วสแกน

ผ่านขั้นตอนสแกนแล้ว จะเจอบันไดเลื่อน (ยาวมาก) จากชั้น4 ลงไปชั้น2
จะเจอป้ายบอก  มีป้ายบอกตลอดไม่ต้องกลัวหลง
เกท A1-9 , B1-9 เลี้ยวซ้าย


 เลี้ยวซ้ายมาจะเป็นแบบนี้ เดินตามป้ายไปเรื่อยๆ ถ้าไม่อยากเดินมาก จะมีทางเลื่อนด้วย แล้วแต่ชอบ
(ที่สุวรรณภูมิจะมีเสียงจากทางเลื่อนด้วยว่า "ระวังสิ้นสุดทางเลื่อน / End of the walkway!!")


ถ้าไปเกท A ก็เลี้ยวซ้ายค่ะ  ส่วนเกท B เดินตรงไปอีก


เกท B2 เดินตรงไปอีกค่ะ


เจอเกทแล้ว
หน้าเกทจะมีบอกว่า ไฟลท์ไหน


เข้ามาแล้วภายในเกทเป็นแบบนี้


เกทนี้ไปภูเก็ตไม่ผิดแน่นอน


เครื่องจอดรอเราอยู่แล้ว


ถึงเวลาขึ้นเครื่อง เจ้าหน้าที่จะเรียกขึ้นเครื่อง อาจะเป็นผู้โดยสารโซน B แถว 15-28 ขึ้นเครื่องก่อน
แล้วตามด้วยผู้โดยสารโซนA แถว 1-14 ขึ้นทีหลัง อะไรประมาณนี้ ก็เข้าแถว แสดงบัตรประชาชนกับBoarding pass ให้เจ้าหน้าที่ดูค่ะ


เดินตามเค้าไป


เมื่อถึงประตูเครื่องจะมี ลูกเรือ (แอร์โฮสเตส/สจ๊วต) อยู่หน้าเครื่อง คอยต้อนรับ จะถามว่าเรานั่งแถวไหน
เค้าจะได้บอกเราว่าที่นั่งอยู่ฝั่งซ้ายฝั่งขวา  ถ้าแอร์ขอดูBoarding pass ก็ให้เค้าดูเถอะ เผื่อมีคนแปลกปลอม เราอาจจะขึ้นผิดเกท เราจะไปภูเก็ต  แต่เปลี่ยนเกทกะทันหัน ลำนี้อาจจะไปเชียงใหม่ก็ได้
แต่วันนี้ไม่ผิดเกทนะ

เข้ามาข้างในแล้ว


นั่งประจำที่  รัดเข็มขัดด้วย วิธีรัดเหมือนกันกับเข็มขัดรถยนต์  แต่เวลาถอดไม่ได้กดลงแล้วปลดล็อค แต่ต้องดึงหัวเข็มขัดขึ้น ถ้าไม่แน่ใจถามคนข้างๆ หรือไม่ก็ถามคุณแอร์
ส่วนกระเป๋าให้เก็บไว้บนที่เก็บของเหนือศีรษะ  หรือเอาไว้ใต้ที่นั่งด้านหน้าของท่าน (ไม่ต้องวางไว้บนตักนะ)


ได้เวลา Take off  ระหว่างนี้จะได้ชมสาธิตการใช้อุปกรณ์บนเครื่องบิน (เสื้อชูชีพ เข็มขัด หน้ากากออกซิเจน) และวิธีปฏิบัติเมื่อเกิดเหตุฉุกเฉิน ถ้าบนเครื่องมีจอทีวีก็อาจจะเปิดแล้วชมจากจอ แต่ถ้าไม่มี ลูกเรือจะเป็นผู้สาธิตอุปกรณ์ให้เราชมค่ะ

Take off แล้ว


เวลาผ่านไป 1 ชั่วโมงกว่าๆ ถึงภูเก็ตแล้วค่ะ


เครื่องจอดสนิท ปลดเข็มขัด หยิบกระเป๋า เดินตามคนข้างหน้าออกจากเครื่องไปเลย


ถ้าโหลดกระเป๋า ก็รอรับกระเป๋าตรงสายพาน ถ้ามีหลายสายพาน ก่อนลงจากเครื่องคุณแอร์ก็จะประกาศบอกว่ารับกระเป๋าได้ที่สายพานไหน  แต่ถ้าไม่ทราบ  เดินออกมาตรงที่รับกระเป๋าจะมีจอบอกว่าไฟลท์ไหนรับกระเป๋าที่สายพานไหน


ถ้าไม่ได้โหลดก็เดินตัวปลิวออกมาได้เลยค่ะ


แค่นี้เอง ง่ายๆชิวๆ สำหรับมือใหม่ แรกๆอาจจะงงๆไม่ค่อยคล่อง
แต่ถ้าเดินทางบ่อยๆจะคล่องขึ้นเยอะเลย ^^

สรุปขั้นตอนง่ายๆเวลาขึ้นเครื่องบิน

ไปถึงสนามบิน > หาเคาท์เตอฺร์เช็คอินให้เจอ >  ยื่นบัตรประชาชน > รับBoarding Pass > สแกน > หาเกทตัวเองให้เจอ > รอในเกท > รอเรียกขึ้นเครื่อง > ขึ้นเครื่องรัดเข็มขัด > Take off  >  ทานอาหารว่าง/หลับ/ ฟังเพลง  ตามอัธยาศัย > เครื่องลง > หยิบกระเป๋า เดินตามคนข้างหน้าออกมา > ถึงที่หมายโดยสวัสดิภาพ เย่!!!!

ขอให้สนุกกับการนั่งเครื่องบินนะคะ ^^

ขั้นตอนขึ้นเครื่องบิน : ดอนเมือง Terminal 2 (ขาออกภายในประเทศ)

บันทึก 239 วันเมื่อฉันเป็นลูกเรือสำราญ


เที่ยวต่างประเทศด้วยตัวเอง >> https://journeyofarrow.blogspot.com/

แบกเป้บินเดี่ยวเที่ยวญี่ปุ่น >> http://arrowinjapan.blogspot.com/2015/03/ep1-take-off-bye-bye-thailand.html